ทักทายยามบ่ายวันใหม่ค่ะ
ก่อนจะหมดวันหยุดพักผ่อนไป
เรามีประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันดูนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงปิดเทอม 6 เดือนของเรานั้น
เราได้มีโอกาสไปเป็นครูฝึกสอนที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง
วันแรกของการไปฝึกสอน เราต้องไปช่วยดูแลเด็กอนุบาล 1
ซึ่งเปิดเทอมก่อนเด็กประถม 2 วัน
เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยและท้อสุด ๆ
เราต้องทำทุกอย่างทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ ปูที่นอน
ถือกระเป๋า เช็ดนู่นเช็ดนี่
ตอนแรกเราเกือบถอดใจไม่ฝึกสอนแล้วด้วย
แต่เราก็คิดว่า ไม่เป็นไร อดทนหน่อย สู้ ๆ
แล้วเราก็ผ่านมันมาได้
เราคิดว่าคนที่จะมาเป็นครูอนุบาลได้นั้น
ต้องมีความอดทน และรักเด็กจริง ๆ
สิ่งแรกที่เราทำเมื่อฝึกงานในช่วงแรกคือ
ทำไงก็ได้ ไม่ให้เด็กร้องไห้ !!!
โอ้ย อยากกรีดร้อง มันยากมากกกกก
ต้องเข้าใจนะคะ ว่าเด็กอนุบาลจะร้องไห้เวลามาเรียน
เราต้องโอ๋ และพยายามหาของเล่นให้เล่น
ชวนเด็ก ๆ เต้นด้วย ><
ช่วงพักกลางวันหลังกินข้าวเสร็จ
ก็ต้องปูที่นอนให้เด็กเกือบ 30 คน เหนื่อยมาก
เรานั่งเล่านิทาน เพื่อกล่อมเด็กให้หลับค่ะ
หลับกันแล้วววววว
เจอท่านอนเด็กคนนี้แล้ว ชอบมาก 55555
ตอนเย็น ๆ เราจะต้องสอนเด็กร้องเพลง
และเริ่มหัดเขียนหนังสือ โยงเส้น และระบายสี
เราลืมความเหนื่อยไปเลย เมื่อเจอรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ
ระหว่างรอผู้ปกครองมารับ เราก็นั่งเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง
ถึงแม้เราจะได้สอนอนุบาลเพียงแค่ 2 วัน แต่เราได้อะไรเยอะมาก
ในความคิดเรา คือ ครูอนุบาลจะต้องเป็นครูที่เอนเตอร์เทรนเก่งมาก ๆ
มีเทคนิคการสอนที่สนุก ควบคุมเด็กอยู่
และที่สำคัญ คือ ต้องมีใจรักจริง ๆ
เพราะงานหนักและเหนื่อยมาก
เพราะการดูแลเด็กเล็ก ๆ เกือบ 30 คนได้นั้น เป็นเรื่องยากจริง ๆ
หลังจากนั้นเราก็ต้องไปสอน ป.4
เราไปเป็นครูประจำชั้น และสอนวิชาหลักคือภาษาไทย
ในวันแรกเราแนะนำตัวให้กับเด็กนักเรียน
และเริ่มสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ
มีครูประจำชั้นคอยเทรนให้เราตลอดในช่วงแรก ๆ
หลัง ๆ เราจะต้องเป็นครูจริง ๆ สอนคนเดียว
ช่วงแรกที่สอนคนเดียว เราเหนื่อยสุด ๆ
ท้อมาก เพราะเด็กไม่ฟังเลย
จนเราได้ทริคเล็ก ๆ จากประสบการณ์การสอนของเรา
คือ เราจะต้องสอนไปด้วย สอดแทรกเกมเล็ก ๆ
และกฎเล็ก ๆ ไว้ด้วย
จนหลัง ๆ เด็กเชื่อฟังและตั้งใจเรียนมาก ๆ
ไม่คุยไม่เล่นในเวลาเรียนเลย
เราพยายามทำอะไรให้ดูเข้ากับเด็กที่สุด
อย่างรูปข้างล่าง คือ เราสั่งชิ้นงานเด็ก
โจทย์ คือ วาดรูปสำนวนสุภาษิตที่ชอบ
และเราก็วาด(แบบเด็ก ๆ) ให้เด็ก ๆ ดูบนกระดาน
ซึ่งผลงานที่เด็กทำออกมานั้น เราปลื้มมาก ๆ
เพราะเด็กตั้งใจทำและออกมาน่ารักสมวัยจริง ๆ
เราสอนเด็กทั้งหมด 2 เดือนเต็ม ๆ
และประสบการณ์ที่ได้นั้นมีค่ามาก
ทุกครั้งที่เราเขียนบนกระดาน เราจะเขียนลายมือที่สวยที่สุด
และพูดกับเด็กเสมอว่า ครูอยากให้หนูเขียนลายมือสวย ๆ
เวลาเราตรวจงาน เด็กคนไหนเขียนลายมือไม่สวย
เราจะให้เขาลบและเขียนใหม่ต่อหน้าเราทุกครั้ง
จนผลที่ได้ก็ออกมาเป็นแบบนี้
ตลอดระยะเวลา 2 เดือน เราแทบไม่เชื่อตัวเองเลย
ว่าเราจะอดทนที่จะต้องตื่นเช้า ยืนสอนติดกัน 3-4 คาบ
หรือแม้กระทั่งหอบงานกลับไปตรวจที่บ้าน
เรายอมกลับบ้านดึก เพื่อสอนเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่ง ให้ได้ดีให้ได้
เราคิดเสมอว่า ลูกศิษย์เราทุกคนจะต้องได้ดี
เราอยากให้เขาประสบความสำเร็จ และสอบได้คะแนนดี ๆ
เราคิดแค่นี้จริง ๆ
และเพื่อน ๆ เชื่อไหม ? เราทำได้จริง ๆ
คะแนนสอบวิชาภาษาไทยปีนี้สูงมาก จนครูท่านอื่นยังตกใจ
เรานี่ภูมิใจตัวเองมากเลย แต่น่าเสียดาย
ที่เรามีเวลาสอนเด็กเพียงแค่ 2 เดือน และเวลาก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน
แต่สิ่งที่เราได้กลับมานั้นมันคุ้มค่าจริง ๆ
เราคิดว่า การเป็นครูนั้น ไม่ต้องตี ไม่ต้องดุ
แต่เด็กก็เชื่อฟังเราได้นะ
ตลอดเวลาที่เราสอน เราไม่เคยดุ และไม่เคยตีเด็กเลย
เราสอนเด็กด้วยความรัก และใจดีกับเด็กตลอด
เราพยายามทำทุกอย่างในห้องเรียนให้มันสนุก
ไม่ว่าจะเป็นการล้างจานข้าว การเข้าแถว
การส่งการบ้าน การเก็บเก้าอี้ หรือทำความสะอาดห้องเรียน
เราเองก็เคยเป็นนักเรียนมา เราไม่ชอบครูดุ ๆ
เราเลยไม่อยากดุเด็ก
เราเลยหาวิธีอื่น ๆ ให้เขาเชื่อฟังและจำได้ดีมากกว่าการดุและตี
เราสอดแทรกเกม เพลง และรอยยิ้มตลอดการสอน
และเราค้นพบแล้วว่า มันช่วยได้จริง ๆ
สำหรับใครที่กำลังจะเป็นครู
ลองนำทริคเล็ก ๆ นี้ไปลองทำดูนะคะ
เพราะสิ่งที่เราได้จากเด็กและการเป็นครูนั้น
มันคือ ความสุข
ความสุขที่หาไม่ได้จากที่ไหนทั้งนั้น
สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้
ก็มาจากความรักที่เด็กนักเรียนมีให้เรานั่นเอง
เราเชื่อว่า ถ้าครูทำให้เด็กรักมาก ๆ เขาจะเชื่อฟังเราทุกอย่างจริง ๆ
เขาจะทำตามที่เราสอนทุกอย่างเลย
และเราจะประสบความสำเร็จในการเป็นครูอย่างแท้จริง
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทุกคนน้า
สำหรับใครที่มีอะไรจะสอบถาม
หรือจะขอทริคต่าง ๆ ในการเป็นครูเพิ่มเติม
ก็สามารถคอมเม้นถามมาได้เลยนะค้า
แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ :)